Switzerland 2024
Day 4 : Interlaken
วันนี้เราต้อง Check-out ออกจากโรงแรม Sunstar Hotel & SPA Grindelwald เพื่อเปลี่ยนเมืองไปที่ Interlaken และความลำบากก็มาเยือนอีกครั้งเพราะต้องแบกกระเป๋าที่หนักมากเหมือนเดิม
เราต้องนั่งรถเมล์จากหน้าโรงแรม Sunstar Hotel & SPA Grindelwald มาที่สถานีรถไฟ Grindelwald หลังจากนั้นนั่งรถไฟต่อมาที่สถานี Interlaken Ost. และต่อรถบัสเพื่อไปยังโรงแรมที่ได้ทำการจองไว้
และคราวนี้ดูเหมือนมีความยุ่งยากมากขึ้นไปอีก เพราะเราตามหาโรงแรมที่จองไว้ไม่เจอ ต้องแบกกระเป๋าใบใหญ่ขึ้นรถเมล์ที่มีผู้คนเยอะมาก เราต้องยืนไปตลอดทาง พอขึ้นรถเมล์มาสักพักจึงรู้ว่าเราขึ้นรถเมล์ผิดสาย!!!
ซึ่งบนรถที่อัดแน่นไปด้วยผู้คนมากมายพร้อมสายตาของผู้คนที่ไม่คุ้นชินทั้งภาษา บ้านเมือง และวัฒนธรรมความไม่ค่อยใจดีเท่าไหร่ (ในความคิดของเรา) ในตอนนั้นเรา Lost เต็มรูปแบบ เราร้องไห้เพราะแรงกดดันจากรอบข้างและพยายามคิดหาทางออกให้สถานการณ์ดังกล่าว
พยายามเปิด Maps เพื่อดูว่าโรงแรมที่จองไว้อยู่ตรงไหน และค้นพบว่ารถเมล์คันนี้ไม่ผ่านหน้าโรงแรมของเรา แต่จอดป้ายที่ห่างจากโรงแรมประมาณ 900 เมตร เราจึงเลือกลงป้ายนั้นและตัดสินใจเดินต่อ
ระหว่างทางที่ต้องแบกกระเป๋าที่หนักมาก 3 ใบ เราเดินร้องไห้ไปตลอดทาง ภาพความฝันว่าการได้มาเที่ยวประเทศในฝันจะต้องทำให้เรามีความสุขมากแน่ ๆ เริ่มลดน้อยลงไปเรื่อย ๆ
จนสุดท้ายเราก็เดินมาถึงโรงแรม ซึ่งโรงแรมที่เราเลือกพักที่ Interlaken คือ Backpackers Villa Sonnenhof – Hostel Interlaken
(วิวจากหน้าโรงแรม)
(วิวจากหน้าโรงแรม)
(วิวจากข้างโรงแรม)
รีวิว Backpackers Villa Sonnenhof – Hostel Interlaken
เปิดประสบการณ์ พัก Hostel ครั้งแรก ไม่แย่อย่างที่คิด โดยห้องที่เราเลือกเป็นแบบ Women Only 4 เตียง เหตุผลที่เราเลือกพักที่ Backpackers Villa Sonnenhof – Hostel Interlaken เพราะราคาถูกและคิดว่าคงได้ประสบการณ์ใหม่ ๆ ซึ่งก็เป็นไปอย่างที่คิดจริง ๆ ค่ะ
เพราะด้วยผู้คนมากหน้าหลายตาที่หมุนเวียนเปลี่ยนตลอด ทำให้ได้รู้จักผู้คนต่างวัฒนธรรมและทำให้เราไม่รู้สึกโดดเดี่ยวจนเกินไป จากเมื่อเช้าที่เรา Lost in Switzerland การพักโฮสเทลทำให้เรามีเพื่อนที่มาเที่ยวคนเดียวเหมือนกัน แม้ในห้องนั้นจะมีเพียงการทักทาย บอกลา และอยู่ในพื้นที่ของตัวเองก็ตาม
เราพักที่ Backpackers Villa Sonnenhof – Hostel Interlaken ทั้งหมด 4 คืน คืนละ 2,250 บาท รวมทั้งหมด 9,000 บาท
จองผ่าน Backpackers Villa Sonnenhof – Hostel Interlaken โดยตรง
(วิวจากห้องพัก)
(วิวจากห้องพัก)
(วิวจากห้องพัก)
รายละเอียดเพิ่มเติม : โรงแรมจะให้เช็คอินได้ตอนบ่าย 2 นะคะ ถ้าหากไปก่อนเวลาสามารถนำกระเป๋าขึ้นไปไว้ชั้นที่มีล็อคเกอร์เก็บกระเป๋าได้ค่ะ เป็นห้องส่วนกลาง หรือจะนั่งรอที่ล็อบบี้ก็ได้เหมือนกัน พอถึงเวลาแล้วเจ้าหน้าที่ของทางโรงแรมจะมาเรียกเรารับคีย์การ์ดค่ะ ซึ่งตอนเช็คอินทางเจ้าหน้าที่เขาจะอธิบายเรื่องห้ามทำต่าง ๆ และให้ผ้าเช็ดตัวกับเราพร้อมกับป้าย A,B,C,D ซึ่งตอนนั้นเราได้ป้าย B เพื่อเอาไปแขวนไว้ที่เตียงของตัวเองและล็อคเกอร์เก็บของภายในห้องค่ะ
ซึ่งภายในห้องจะมีทั้งหมด 4 เตียง เป็นแบบ 2 ชั้น เราสามารถเลือกเตียงที่ว่างอยู่ได้เลยหลังจากนั้นนำป้ายที่ได้มาไปแขวนไว้เพื่อบ่งบอกว่านี่คือเตียงของเรา หลังจากนั้นก็นำกระเป๋าไปเก็บไว้ในล็อคเกอร์ค่ะ ซึ่งถือว่าล็อคเกอร์ของเขาแน่นหนามาก เราสามารถใช้คีย์การ์ดอันเดียวกับคีย์การ์ดห้องสแกนล็อคเกอร์ได้เลย
Day 5 : Murren , Gimmelwald และ Oeschinensee
ขอตัดภาพความทรงจำเมื่อวานทิ้งไปทั้งหมดและเริ่มต้นวันใหม่ด้วยความทรงจำที่ดีที่สุดกับสถานที่ท่องเที่ยวต่อไปนี้ที่เรากำลังเดินทางไป นั่นก็คือ Murren , Gimmelwald และช่วงบ่ายไป Oeschinensee
จริง ๆ ถ้าใครมีเวลาและอยากเก็บสถานที่ท่องเที่ยวให้ครบ เราแนะนำให้ขึ้นไปที่ Schilthorn และนั่งกระเช้าลงมาที่ Murren เดินเท้าต่อไปที่ Gimmelwald และค่อยลงมาที่ Lauterbrunnen ก็ได้นะคะ
แต่สำหรับเราที่ตอนบ่ายต้องไป Oeschinensee การได้ไป Murren, Gimmelwald ก็ถือว่าคุ้มมากเหมือนกันค่ะ เพราะวิวสวยมาก สวยมาก ๆ สวยเหมือนที่ฝันไว้ สวยยิ่งกว่าในคลิปวีดิโอที่ชอบดูอีกค่ะ
ทั้งภาพภูเขาที่ยังมีหิมะปกคลุมอยู่บ้างและต้นไม้สีเขียวตัดกับท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยอากาศแจ่มใส มันสวยจนไม่รู้จะอธิบายยังไง
ความสงบและความสวยงามระหว่าง Hiking ระยะสั้น ๆ จาก Murren ลงมา Gimmelwald เราต้องหยุดถ่ายรูปทุก ๆ 5 ก้าว เพื่อเก็บไว้เป็นความทรงจำ โดยบริเวณนั้นเงียบมาก ๆ สามารถตั้งกล้องถ่ายรูปได้ ไม่วุ่นวายหรือรบกวนผู้อื่นแน่นอนค่ะ
If life is a movie you are the best part 💫🌼🤍
“ฉันไม่เคยคิดมาก่อน… จะสามารถพาตัวเองมาไกลถึงสวิตเซอร์แลนด์คนเดียวได้”
“เหมือนฝัน”
เมื่อเดินจาก Murren ลงมาเรื่อย ๆ จะพบกับ Gimmelwald หมู่บ้านแสนน่ารักที่สวยงามมาก ๆ ไม่แพ้กัน
The fairy tale
Gimmelwald Switzerland
รีวิว Oeschinensee, Switzerland
และในที่สุดของที่สุดเราก็ได้พบสถานที่ The Best ของเรา นั่นก็คือ Oeschinensee
เรารู้สึกชอบที่นี่มาก ๆ ตั้งแต่ลงรถไฟที่สถานี Kandersteg และเดินต่อไปเพื่อขึ้นกระเช้า ระหว่างทางเต็มไปด้วยความสวยงาม รายล้อมไปด้วยภูเขาสูงใหญ่ ธรรมชาติที่เราไม่รู้จะบรรยายความสวยงามอย่างไร เพราะของจริงงดงามกว่าในรูปสิบล้านเท่า
(ระหว่างทางเพื่อเดินไปขึ้นกระเช้า)
(ใช้ Swiss Travel Pass เป็นส่วนลดในการขึ้นกระเช้า เหลือ 16 CHF หรือ 615 บาท)
(วิวตอนขึ้นกระเช้า)
(เมื่อลงจากกระเช้ามาแล้วให้เลี้ยวซ้ายจะเจอกับเครื่องเล่นและตู้ Ticket)
(รอบละ 6 CHF หรือ 230 บาท)
(เล่นเสร็จแล้ว เดินตรงมาเพื่อไป Oeschinensee Lake)
“Thank you God, Angel and Myself”
เมื่อเดินมาตามทางเรื่อย ๆ ประมาณ 1 กิโลเมตร จะได้พบกับ Lake ที่สวยงามมาก ๆ
ซึ่ง Oeschinensee Lake มีหลายชั้น ถ้าหากใครที่อยากชมวิวในมุมสูง ก็สามารถเดินต่อไปได้ค่ะ
ที่นี่สวยงามมากจริง ๆ และถ้าเรามีโอกาส เราจะกลับมาอีกครั้ง ใช้เวลาในสถานที่แห่งนี้ให้นานกว่านี้
I Don’t Want To Miss a Thing
Don’t want to close my eyesI don’t want to fall asleep
ขอให้ฉันมีจังหวะชีวิตที่สวยงามแบบนี้ตลอดไป