Travel

Review กระบี่ด้วยภาพฟิล์ม : 4 วัน 3 คืน บนเกาะพีพี นักท่องเที่ยวอย่างเรา ทำอะไรบ้าง?

เที่ยวกระบี่

ทริปสู้ชีวิตแต่ชีวิตสู้กลับที่กระบี่

ถึงแม้เราจะชอบเที่ยวคนเดียวมากแค่ไหน แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าการมีเพื่อนไปด้วยนั้นมันดีกว่ามาก ๆ 

หลังจากที่เราห่างหายจากการเขียน Blog ลงเว็บไซต์นี้ไปนานได้เกิดเรื่องราวต่าง ๆ ขึ้นมากมาย 

แต่เราก็ยังไม่เคยหยุดเที่ยว บางครั้งก็มีเพื่อนไปด้วย บางครั้งก็ไปคนเดียวเหมือนเดิม แต่เราไม่ได้เก็บอะไรจากการไปเที่ยวในหลาย ๆ ครั้งที่ผ่านมา นอกจากการปล่อยใจไปกับธรรมชาติที่สวยงาม 

สนามบินสุวรรณภูมิ

(kodak ultramax 400)

แต่ครั้งนี้มันแตกต่างออกไปจากทุกครั้ง ที่เราได้เก็บเกี่ยวประสบการณ์จากการไปเที่ยวกลับมาเพื่อเขียนบอกเล่าความรู้สึกของการไปกระบี่ครั้งแรกบนเกาะพีพี 4 วัน 3 คืน ถึงแม้จะเป็นระยะเวลาสั้น ๆ แต่เราก็ประทับใจจนเป็นตำนานที่เราอยากเขียนรีวิวความรู้สึกนี้เก็บไว้

Phi Phi CoCo Beach Resort

(kodak ultramax 400)

เราวางแพลนเที่ยวกระบี่กับเพื่อนสาวหนึ่งคนไว้ตั้งแต่เดือนมกราคม จะเรียกว่าวางแพลนได้ไหมอ่ะ เพราะเวลาไปไหนมาไหนด้วยกันไม่ค่อยคิดอะไร แค่เราเห็นตั๋วเครื่องบินของสายการบินหนึ่งถูกมาก ๆ เลยส่งไปให้เพื่อนดูและถามว่าไปกระบี่กันป่ะมึงและเพื่อนก็ตอบกลับมาว่าไปดิแค่นี้ เราก็จองตั๋วไปกลับกระบี่ในราคาต่อคนไม่ถึง 1,500 บาท ทันที

หลังจากนั้นค่อยจองที่พักบนเกาะพีพี ซึ่งก็ใช้เวลาเลือกกับเพื่อนสาวนานอยู่พอสมควร ผลสรุปไปจบที่Phi Phi CoCo Beach Resort ” 4 วัน 3 คืน ในราคา 17,000 กว่าบาท (ไม่รวมแพคเกจเที่ยวเกาะ) ซึ่งราคานี้รวมรถรับส่งที่สนามบิน และเรือไปกลับจากกระบี่ไปยังเกาะพีพีและอาหาร 3 มื้อ (กลางวัน,เย็น) 

phiphicocobeachresort

(kodak ultramax 400)

ซึ่งภาพรวมของที่พักถือว่าโอเคมาก ๆ แถมยังมีกิจกรรมดูหนังกลางแปลง พายเรือคายัคไปเกาะลิง (Monkey Beach Kho Phi Phi) ไว้บริการนักท่องเที่ยวอีกด้วย และมีมุมถ่ายรูปสวย ๆ อีกมากมาย 

Monkey Beach Kho Phi Phi)

(kodak ultramax 400)

ซึ่งไปถึงวันแรกก็ประมาณบ่าย 3 เกือบ ๆ 4 โมงเย็น เรากับเพื่อนก็ไม่ได้ทำอะไรมาก ก็พักผ่อน กินข้าว และถ่ายรูปเล่นรอบ ๆ ที่พัก

เกาะพีพี

(kodak ultramax 400)

ในส่วนของวันที่ 2 ตอนแรกเรากับเพื่อนคิดกันไว้ว่าจะไปอ่าวมาหยาและเกาะต่าง ๆ ในบริเวณนั้น แต่ก็เหมือนเดิม ไม่ได้มีการวางแพลนหรือการจองไว้ก่อน จึงเดินไปสอบถามพี่ ๆ พนักงานที่ล็อบบี้ พี่ ๆ พนักงานจึงให้คำแนะนำว่าวันที่ 2 นี้ให้เรากับเพื่อนพายเรือคายัคไปเที่ยวเกาะลิงก่อน แล้วพรุ่งนี้ค่อยเช่าเรือออกไปเที่ยวอ่าวมาหยา เกาะไผ่และเกาะอื่น ๆ กัน ซึ่งราคาเที่ยวเกาะ 6 ชั่วโมง 2 คน อยู่ที่ 3,500 บาท

เรากับเพื่อนทำตามคำแนะนำของพี่ ๆ พนักงาน

ในส่วนของวันที่ 2 เราไม่ได้หยิบกล้องฟิล์มออกมาถ่ายเลย เพราะกลัวพายเรือแล้วกล้องตกน้ำ 

ซึ่งการพายเรือคายัคด้วยระยะทางประมาณ 3 กิโลเมตรไปที่เกาะลิงเป็นอะไรที่เหนื่อยมาก ๆ (เพื่อนเหนื่อยนะ เพราะเราพายเอาคอนเทนท์เฉย ๆ แทบจะไม่ได้ออกแรงเลย 5555555)

ซึ่งบนเกาะลิงนั้นเต็มไปด้วยลิงและนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติจำนวนมาก ซึ่งนักท่องเที่ยวบางคนก็ชอบไปแกล้งลิงจนมันก้าวร้าวผลสุดท้ายก็จะเอาไม้ไล่ตีมัน ถึงแม้ในใจเราจะกลัวลิงมากแค่ไหน แต่ก็ไม่เข้าใจนักท่องเที่ยวที่ทำแบบนั้นเหมือนกัน 

ซึ่งนอกจากบนเกาะแห่งนี้จะเต็มไปด้วยลิงจำนวนมากแล้ว น้ำทะเลยังสวยงาม หาดทรายก็ละเอียดและนุ่มเท้ามาก ๆ ถ้าหากใครไปเที่ยวกระบี่ เราแนะนำให้มาเที่ยวที่นี่เลยค่ะ มันฟีลกู๊ดมาก ๆ

ซึ่งหลังจากไปเที่ยวเกาะลิงกลับมาก็แวะทานข้าวที่ทางรีสอร์ทจัดไว้ให้และเข้าที่พัก ซึ่งตอนเย็นของวันนั้นเรากับเพื่อนมีแพลนจะไปเที่ยวที่ Viewpoint เพราะพี่ ๆ พนักงานแนะนำมาว่าต้องไปให้ได้ แต่ผลสุดท้ายคือฝนตกซะก่อน เรากับเพื่อนจึงไม่ได้ไปไหนและนอนดูซีรีย์อยู่ที่รีสอร์ทด้วยกัน

ซึ่งระหว่างดูซีรีย์ของ Netflix เรื่องหนึ่งอยู่ เราก็พูดกับเพื่อนว่ามึงเรากลับรถทัวร์กันป่ะ

เพื่อนถามว่าทำไมอ่ะ เราจึงบอกว่ากูกลัวอ่ะ กูไม่อยากนั่งเครื่องบินของสายการบินแล้ว กูกลัวเพื่อนก็ตอบกลับมาว่ารถทัวร์มันนานนะมึง ถ้าจะกลับก็จองใหม่และเปลี่ยนสายการบินเลยสรุปคืนนั้นเพื่อนก็จัดการจองตั๋วเครื่องบินวันกลับใหม่ โดยเปลี่ยนสายการบินที่ทำให้เรารู้สึกปลอดภัย แต่จุดพีคและตำนานของทริปนี้มันยังไม่หมดแต่เพียงเท่านี้ เพราะเมื่อเช้าของวันที่ 3 ของทริปได้เริ่มขึ้น

จังหวัดกระบี่

(kodak ultramax 400)

เราสองคนกับเพื่อนมีความเอ็นจอยที่จะได้ไปเที่ยวเกาะต่าง ๆ ของกระบี่เป็นอย่างมาก เรานัดเรือไว้ตอน 9 โมงเช้า แม้จะเป็นการตื่นเช้าแต่ก็แฮปปี้สุด ๆ ซึ่งไม่ว่าจะเป็นตอนขึ้นเรือ และระหว่างทางมันเต็มไปด้วยความตื่นเต้นของการได้เห็นธรรมชาติที่สวยงาม 

และเมื่อนั่งเรือมาถึง อ่าวมาหยา เราก็รับรู้ได้ทันทีว่าธรรมชาติสร้างสรรค์มันเป็นยังไง มันสวยงามจนอยากถ่ายรูปเก็บไว้เยอะ ๆ น้ำทะลอันดามันสวยงามมาก ๆ สวยจนไม่รู้จะอธิบายยังไง อยากให้ทุกคนได้ลองไปสัมผัสด้วยตัวเอง

อ่าวมาหยา

(kodak ultramax 400)

และเมื่อเรากับเพื่อนถ่ายรูปจนพอใจแล้วก็กลับไปที่เรือที่จอดรออยู่ เพื่อเดินทางไปยังเกาะอื่น ๆ อีก โดยเราใช้เวลาในการเที่ยวอ่าวมาหยาประมาณ 30 นาที 

ซึ่งเมื่อลงเรือก็เตรียมพร้อมไปเที่ยวเกาะอื่น ๆ กันต่อ เพราะยังมีเวลาอีกตั้งเยอะ ซื้อทัวร์ไว้ตั้ง 6 ชั่วโมงแหน่ะ

อ่าวมาหยา จังหวัดกระบี่

(kodak ultramax 400)

แต่เมื่อเรือได้เคลื่อนตัวไปสักพัก ระหว่างทางก็พบเจอกับคลื่นลูกใหญ่จนเราหันไปบอกเพื่อนว่าเหมือนเล่นไวกิ้งเลยเมื่อเรือขับออกไปอีก ก็เจอกับคลื่นลูกใหญ่กว่าเมื่อกี้ และมันก็เริ่มใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ จนเรากลัวและเริ่มกลัวมาก ๆ จึงหันไปเกาะเพื่อนไว้แน่น เพื่อนก็กอดเราแน่นด้วยความที่เรากลัวมาก ๆ 

พอเรือเคลื่นตัวไปอีกสักพัก ด้วยความรู้สึกว่าเดี๋ยวก็ถึงแล้ว เดี๋ยวคลื่นก็หมดแล้ว มันไม่จบแต่เพียงเท่านั้น เพราะยิ่งเรือขับไปนานเท่าไหร่ ก็ดูเหมือนคลื่นลูกใหญ่ก็จะมีขึ้นเรื่อย ๆ จนเรากลัวและทนไม่ไหว หันไปบอกเพื่อนว่ามึง กลับเหอะกูกลัวเพื่อนก็บอกว่ามึงหันไปบอกคนขับเรือเลย เราก็หันไปบอกคุณลุงคนขับเรือว่ากลับเถอะค่ะ หนูกลัว หนูไม่ไปแล้ว ลุงคนขับบอกว่าได้ แล้วแต่พวกหนู แต่ว่าลุงคืนเงินไม่ได้นะเราเลยบอกว่าโอเคค่ะลุง กลับเลยค่ะ 

ในตอนนั้นเรากลัวมาก ๆ กลัวจนคิดว่าถ้าลุงจะเรียกเงินมากกว่านั้นหนูก็ให้ลุงได้ค่ะ แต่ช่วยพาหนูกลับฝั่งที T^T

ซึ่งพอกลับมาถึงเราก็รู้สึกผิดนิดหน่อยที่ทำให้เพื่อนไม่ได้ไปเที่ยวตามที่ตั้งใจไว้ แต่เรากลัวจริง ๆ ซึ่งเพื่อนก็ไม่ได้ว่าอะไรและไม่ได้พูดอะไรที่ทำให้เรารู้สึกผิดด้วย และหลังจากนั้นก็กลับมาวางแผนกันต่อว่าจะไปเที่ยวไหนดี ซึ่งสุดท้ายลงความเห็นกันว่าจะเดินไป Viewpoint จุดชมวิวที่ทุกคนแนะนำ (บนเกาะพีพีไม่มีรถรับจ้างนะ ต้องเดินเท้าเท่านั้น) 

Phi Phi Island1

(kodak color plus200)

Phi Phi Island2

(kodak color plus200)

เกาะพีพี kodak color plus200)

(kodak color plus200)

เกาะพีพี จังหวัดกระบี่ kodak color plus200

(kodak color plus200)

ซึ่งระยะทางการเดินเท้าจากที่พักไปยัง Viewpoint ประมาณ 3 กิโลเมตร ซึ่งเราคิดว่ามันคือ 3 กิโลแม้ว เพราะมันไกลมาก ๆ ระหว่างทางเดินตอนแรก ๆ ก็แฮปปี้ บอกเพื่อนตลอดถ้าเหนื่อยหรือหิวก็แวะเลยนะ ไปเรื่อย ๆ เหนื่อยก็พัก แต่สุดท้ายก็ไม่มีใครพักและเดินไปจนถึงทางขึ้นเขา ซึ่งเป็นจุดวัดใจ 

จุดวัดใจนี้แหละที่เราเริ่มเหนื่อยจนทนไม่ไหว และพูดกับเพื่อนว่ากลับป่ะตอนนั้นคิดว่าถ้าเพื่อนบอกว่ากลับ! กูจะวิ่งลงเขาทันที แต่เพื่อนบอกว่าเราเดินมาไกลแล้วน่ะเว้ยค่ะ! โอเค! งั้นเดินต่อไป ซึ่งเดินไปอีกสักพัก เราก็เห็นพี่เจ้าถิ่นคนหนึ่งขับมอเตอร์ไซค์ผ่านเรากับเพื่อนหลายรอบมาก เราบอกเพื่อนว่าถ้าผ่านอีกรอบจะโบกแล้วนะ ไม่ไหวแล้ว 

สรุป เราไม่กล้าโบก แต่เพื่อนโบกค่ะ เพราะทนไม่ไหวแล้ว และพี่เขาก็รับเรากับเพื่อนขึ้นมา ซึ่งระหว่างทางนั้นบอกเลยว่าดีนะที่ไม่ตาย 

เพราะระยะทางขึ้นเขาที่เราเดินขึ้นมากับเพื่อนว่าไกลแล้ว แต่มันเป็นเพียงแค่เศษ 1 ส่วน 4 ของระยะทางทั้งหมด ซึ่งทางที่มายัง Viewpoint เป็นดินแดงและขรุขระ ไม่เอื้อต่อรถหรือการเดินเลยสักนิด ถ้าหากพี่เจ้าถิ่นไม่รับเรากับเพื่อนมาด้วย คงมีใครคนใดคนหนึ่งเป็นลมระหว่างทางแน่ ๆ 

Viewpoint เกาะพีพี

(kodak color plus200)

Viewpoint เกาะพีพี1

(kodak color plus200)

Viewpoint เกาะพีพี2

(kodak color plus200)

Viewpoint เกาะพีพี3

(kodak color plus200)

พอมาถึงยังจุดหมายปลายทาง ความสวยงามที่ได้เห็นมันก็คุ้มค่านะ แต่จากที่บอกว่าจะถ่ายรูปสัก 100 รูป แต่พอมาถึงจริง ๆ ไม่มีใครถ่ายรูปเลยค่ะ ต้องไปพักเหนื่อยที่ร้านกาแฟ 

ซึ่งหลังจากพักจนหายเหนื่อยจากบ่ายโมงกว่า ๆ จนถึง 4 โมงเย็น เรากับเพื่อนก็ไปถ่ายรูปและเดินลง ซึ่งค้นพบทางลงเป็นบันได 300 ขึ้นที่ดีกว่าทางขึ้นมาก และใกล้กับที่พักมากกว่า 

เรากับเพื่อนงงเลยค่ะ 

และหลังจากลงมาก็ไปหาอาหารทะเลทานกันและแวะดูหนังกลางแปลงที่รีสอร์ท 

กระบี่

(kodak color plus200)

รีวิวกระบี่

(kodak gold200)

ทริปนี้เป็นอีกหนึ่งทริปที่เราประทับใจเพราะเป็นการไปในจังหวัดกระบี่ครั้งแรก ไปเกาะพีพีครั้งแรก และเป็นสถานที่ที่เราคิดว่าจะกลับไปเที่ยวซ้ำอีกแน่นอน 

kodak gold200

(kodak gold200)

สุดท้ายเราอยากเขียนความรู้สึกที่มีต่อเพื่อนของเราในทริปนี้… คือ

เมื่อก่อนกูไม่เคยกลัวความตาย กูไม่เคยเห็นคุณค่าของการมีชีวิตอยู่ แต่ไม่รู้ทำไมยิ่งกูอายุมากขึ้น กูสัมผัสได้ด้วยความรู้สึกของตัวเองว่าสิ่งที่กูรอใกล้จะเดินทางมาถึงแล้ว กูจึงอยากมีชีวิตอยู่บนโลกนี้นาน ๆ อยู่เพื่อได้ทำในสิ่งที่อยากทำ อยู่เพื่อได้เห็นธรรมชาติที่สวยงาม กูจึงกลายเป็นคนกลัวความตายทั้งที่เมื่อก่อนไม่เคยเป็น กูกลายเป็นคนเรื่องมากกับทุกการเดินทาง ทั้งบนบก ทางอากาศ และทางน้ำ ซึ่งความกลัวของกูทำให้มึงเดือดร้อนไปด้วย แต่ก็

ขอบคุณที่ไปด้วยกัน ขอบคุณที่เข้าใจความกลัวของกู ขอบคุณที่มึงไม่ว่าอะไรกูสักคำ

ซึ่งไม่รู้ว่าถ้าเป็นคนอื่นเขาจะด่ากูไหม แต่นี่เป็นมึงไง 

ขอบคุณนะ