ภูเก็ต
ถ้าหากร่างกายของคนเรามีพลังงานแบตเตอรี่ 100% การไปเที่ยวภูเก็ตครั้งนี้คงเป็นทริปที่เราใช้พลังงานจนแบตขึ้นสีแดงเลยล่ะค่ะ เพราะหลังจากกลับจากทริป “ ผู้หญิงคนเดียว เที่ยวทะเลใกล้กรุงเทพฯ : “ บางแสน ” 2 วัน 1 คืน ” วันต่อมาเราก็ไปเที่ยว ศูนย์กีฬาบึงหนองบอน (ไว้มาเขียนรีวิวบทความหน้านะคะ) และอีกวันก็บินไปภูเก็ต เรียกได้ว่าเที่ยวจนลืมหายใจ เที่ยวเหมือนเก็บกด เที่ยวจนต้องร้องขอชีวิต (5555555555) แต่เราจะไม่หยุดเที่ยวเด็ดขาด!!
(หาดไม้ขาว จังหวัดภูเก็ต)
การไปเที่ยวภูเก็ตครั้งนี้ เราไม่ได้ไปคนเดียวเหมือนจังหวัดอื่นๆ ที่ผ่านมานะคะ ครั้งนี้เราไปกับพี่สาว ซึ่งเราขอแนะนำเลยค่ะว่าการไปเที่ยวภูเก็ต ต้องมีเพื่อนไปด้วยมันถึงจะสนุกและสะดวกไปพร้อมๆ กัน เพราะอย่างที่ทุกคนทราบกันดีว่าเมืองไทยการเดินทางโดยรถขนส่งสาธารณะนั้นไม่ค่อยสะดวกมากนัก การที่เรามีเพื่อนหรือญาติพี่น้อง ที่มีความสามารถด้านการขับรถไปด้วย จะยิ่งทำให้สนุกและเดินทางสะดวก
เพราะฉะนั้นไปภูเก็ตสิ่งที่จำเป็นที่สุด ก็คือ การเดินทางที่สะดวกสบาย อย่าไปตายเอาดาบหน้าเด็ดขาดนะคะ เพราะมันจะทำให้เสียเวลาการเดินทางมากๆ เลยค่ะ
(หาดไม้ขาว จังหวัดภูเก็ต)
หาดไม้ขาว จังหวัดภูเก็ต
16.30 น. (เวลาโดยประมาณ)
หลังจากรับรถที่สนามบินเสร็จเรียบร้อยแล้ว สถานที่แห่งแรกที่เรากับพี่สาวเลือกไป ก็คือ “ หาดไม้ขาว ” ซึ่งหาดไม้ขาวเป็นชายหาดที่ติดกับสนามบินภูเก็ตและนักท่องเที่ยวก็นิยมมาดูเครื่องบินแลนด์ดิ้งกันที่แห่งนี้ค่ะ ซึ่งเรากับพี่ ก็คือ สองนักท่องเที่ยวที่ตั้งใจมาดูเครื่องบินพร้อมกับพระอาทิตย์ตกดินที่นี่ ซึ่งตอนที่เรากับพี่กำลังรอเครื่องบินก็ได้หา Ref. ถ่ายรูปไปด้วย ว่าถ้าเครื่องบินมาแล้วจะถ่ายรูปแบบไหน เครื่องบินต้องใกล้มากๆ แน่เลย
(หาดไม้ขาว จังหวัดภูเก็ต)
เมื่อเวลาล่วงเลยผ่านไป
1 ชั่วโมงก็ยังไม่มา…
2 ชั่วโมงผ่านไปก็ยังไม่มา…
จนพระอาทิตย์ตกดินไปแล้ว เครื่องบินที่เรากับพี่เฝ้ารอก็ยังไม่มา จนเราสองคนตัดสินใจกลับกันดีกว่า เพราะเดี๋ยวจะเลยเวลาเช็คอินโรงแรม ซึ่งขากลับเราต้องอาศัยรถพ่วงชาวบ้านจากหาดไม้ขาวไปที่ลานจอดรถ (คนละ 20 บาท) ก็ได้สอบถามกับคุณลุงคนขับว่า ทำไมถึงไม่มีเครื่องบินเลยคะ คุณลุงคนขับบอกว่า ‘ลมเปลี่ยนทิศ เครื่องบินลงอีกฝั่ง พรุ่งนี้มาใหม่ตอนเช้านะ!’ (แงงงงงงงงง T.T)
(หาดไม้ขาว จังหวัดภูเก็ต)
หลังจากนั้นเรากับพี่ก็เข้ามาเช็คอินที่โรงแรมซึ่งเป็นคอนโดเปิดให้นักเที่ยวเข้าพักราคาไม่แพง (จำชื่อและราคาไม่ได้) ซึ่งเมื่อเช็คอินเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็ขับรถไปกินข้าวในตัวเมืองกัน
ซึ่งร้านที่เราเลือกเป็นมื้อเย็น ก็คือ “ข้าวต้มโกเบนซ์” ถือว่านี่เป็นครั้งแรกที่เราได้กินข้าวต้มโกเบนซ์ เพราะเห็นน้องพีพี ( พีพี กฤษฏ์ อํานวยเดชกร ) รีวิวว่าข้าวต้มโกเบนซ์อร่อย เราเลยอยากมาตามรอยน้องพีพีค่ะ ซึ่งคำแรกที่ตักเข้าปาก ก็คือเข้าใจคำว่า อร่อยจนตาลุกวาวเลยล่ะค่ะ ถ้าใครมาภูเก็ตแล้วยังไม่เคยกิน ข้าวต้มโกเบนซ์ ต้องมาลองให้ได้เลยนะคะ เพราะมันดีมากจริงๆ
ข้อมูลร้านข้าวต้มโกเบนซ์ : เปิดทุกวัน (หยุดวันจันทร์) ตั้งแต่ 18.30 – 03.00 น.
(โกปี้เตี๋ยม ตัวเมืองภูเก็ต)
พอกินอิ่มแล้ว เรากับพี่ก็ไปเดินเล่นในตัวเมืองยามค่ำคืนกันต่อ ซึ่งการมาเที่ยวภูเก็ตในครั้งนี้เหมือนพี่พาเรามาตามรอย ซีรีส์เรื่อง ‘ แปลรักฉันด้วยใจเธอ ’ ย่อมๆ เลยค่ะ เพราะเราเป็นแฟนคลับซีรีส์เรื่องนี้และเป็นมัมหมีน้องพีพี เราตื่นเต้นมากๆ ตอนที่ได้เห็นบ้านเต๋ โรงเรียนกวดวิชา ร้านขนมที่แก๊งค์เพื่อนเขาชอบมากินโอ้เอ๋วกัน ก็รู้สึกปลื้มปริ่มมากค่ะ
(ซุปเปอร์ติ่มซำ ภูเก็ต)
วันที่ 2
เริ่มต้นวันที่ 2 ด้วยการตื่นสาย อาบน้ำแต่งตัวและขับรถเข้าตัวเมืองไปกินติ่มซำ ซึ่งร้านแรกที่ไปกิน ก็คือ บุญรัตน์ติ่มซำ และร้านที่สอง ก็คือ ซุปเปอร์ติ่มซำภูเก็ต ซึ่งเป็นติ่มซำร้านเด็ดขึ้นชื่อประจำภูเก็ต ใครที่ไปภูเก็ตห้ามพลาดเด็ดขาดเลยนะคะ!
จากภูเก็ต สู่ จังหวัดพังงา
เมื่อทานมื้อเช้าและมื้อเที่ยง (มื้อเดียวกัน) เสร็จเรียบร้อยแล้ว หลังจากนั้นก็ขับรถจากตัวเมืองภูเก็ตมุ่งหน้าสู่พังงา ซึ่งจากตัวเมืองภูเก็ตไปพังงาใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง 30 นาที แต่ในความรู้สึกของเรา ไม่ได้รู้สึกว่ามันไกลเลยค่ะ เพราะบรรยากาศรอบๆ โอบล้อมไปด้วย ทะเลอันดามัน จึงกลายเป็นความตื่นเต้นที่ได้ผจญภัยและได้เห็นอะไรใหม่ๆ เลยเข้าสู่ จังหวัดพังงา แบบไม่รู้ตัว ซึ่งจุดหมายปลายทางของเราในครั้งนี้ คือ เสม็ดนางชี
หาดนางทอง เขาหลัก จังหวัด พังงา
แต่ก่อนจะไปถึงเสม็ดนางชี ก็ได้แวะเที่ยวที่ หาดนางทอง เขาหลัก จังหวัดพังงา ที่มีหาดทรายสีดำ ซึ่งเป็นหาดที่เหมาะสำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการความไพรเวทมากๆ เพราะที่นี่ค่อนข้างเงียบสงบและทะเลอันดามันก็สวยสมคำร่ำลือค่ะ
(หาดนางทอง เขาหลัก พังงา)
(หาดนางทอง เขาหลัก พังงา)
(หาดนางทอง เขาหลัก พังงา)
ตลาดลองแล พังงา
เมื่อเที่ยวที่ หาดนางทอง เขาหลัก จังหวัดพังงา เสร็จแล้ว เราก็ไปต่อกันที่ ตลาดลองแล พังงา (เปิดทุกวันอาทิตย์ ตั้งแต่เวลา 09.00 – 17.00 น.) แต่ตอนที่เราไปถึงเป็นเวลาประมาณ 4 โมงเย็น พ่อค้าแม่ค้าก็เริ่มเก็บของกลับบ้านแล้วค่ะ เพราะถ้าหากอาทิตย์ไหนนักท่องเที่ยวเยอะก็จะขายหมดเร็ว ซึ่งตลาดลองแลแห่งนี้จะมีความพิเศษตรงที่ภาชนะใส่ของหรืออาหารทุกอย่างล้วนทำมาจากวัสดุธรรมชาติ บางอย่างเราก็ไม่เคยเห็นมาก่อน และบรรยากาศของตลาดก็ทำให้รู้สึกว่าเหมือนหลุดเข้าไปในยุคสมัยก่อนเลยล่ะค่ะ
เสม็ดนางชี บูทีค – Sametnangshe Boutique
และเมื่อแวะเที่ยวจนพอใจแล้ว ก็ถึงเวลาไปยังจุดหมายปลายทางแล้วค่ะ ซึ่งอย่างที่เราบอกไปตอนต้นว่าจุดหมายปลายทางของเราในวันนี้ ก็คือ เสม็ดนางชี ซึ่งเป็นสถานที่ที่เราอยากไปมานานมาก แต่ยังไม่มีโอกาสได้ไปสักที ครั้งนี้ถือว่าเป็นครั้งแรกที่เราได้มาเที่ยวที่ เสม็ดนางชี ซึ่งเราจำความรู้สึกแรกตอนที่เราเห็นวิวของที่นี่ได้ดีเลยค่ะ ครั้งแรกที่เห็นเรากับพี่อุทานพร้อมกันว่า “เฮ้ย! สวยมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก”
(เสม็ดนางชี บูทีค พังงา)
ความรู้สึก ความทรงจำ ภาพจำครั้งแรกที่เห็น คือ สวยมาก สวยมากๆ สวยมากจริงๆ ถ้าใครที่เข้ามาอ่านบทความของเราและอยากลองไปเที่ยวดูบ้าง เราแนะนำเลยค่ะ เพราะมันสวยมากจริงๆ สวยจนอยากตาย สวยจนอยากรำถวาย ถ้าใครมีโอกาสได้ไป เราอยากแนะนำมากเลยค่ะ เพราะมันสวย สวยมากจริงๆ สวยจนตั้งคำถามกับตัวเองว่า เราจะถ่ายรูปภาพออกมาอย่างไรให้สวยเท่าของจริง ซึ่งคำตอบก็คือ ไม่มีทาง!
(เสม็ดนางชี บูทีค Sametnangshe Boutique)
ที่พักของเรา คือ เสม็ดนางชี บูทีค – Sametnangshe Boutique (เราจำราคาไม่ได้อีกแล้วค่ะ พี่เราเป็นคนจัดการหมดเลย) ซึ่งที่นี่เขามีห้องพักให้เลือกหลากหลายประเภท เพื่อนๆ สามารถสอบถามที่ facebook.com/Sametnangshe.boutique ได้เลยนะคะ
(ห้องพัก เสม็ดนางชี บูทีค Sametnangshe Boutique)
(ห้องน้ำ เสม็ดนางชี บูทีค Sametnangshe Boutique)
ซึ่งที่ เสม็ดนางชี บูทีค มีสถานที่ถ่ายรูปเยอะมาก (ถ่ายได้ล้านรูปไม่เกินจริง) แถมยังมีโซนอาหาร โซนคาเฟ่ เหมาะสำหรับเพื่อนๆ ที่ไม่ต้องการเข้าพักแต่มารับประทานอาหารหรือกาแฟพร้อมกับชมวิวสวยๆ
(คาเฟ่ เสม็ดนางชี บูทีค Sametnangshe Boutique)
(เสม็ดนางชี บูทีค Sametnangshe Boutique)
วันต่อมา
วันนี้เป็นวันที่เราจะต้องเดินทางกลับกรุงเทพแล้วค่ะ แต่ขึ้นเครื่อง 3 ทุ่มครึ่ง เรากับพี่จึงมีเวลาเที่ยวที่เสม็ดนางชีและภูเก็ตจนถึงตอนเย็นเลย ซึ่งเมื่อเรากับพี่ถ่ายรูปที่เสม็ดนางชีบูทีคจนพอใจ ก็ถึงเวลาเช็คเอาท์
(เสม็ดนางชี บูทีค Sametnangshe Boutique)
(เสม็ดนางชี บูทีค Sametnangshe Boutique)
จาก เสม็ดนางชี บูทีค สู่ ภูเก็ตอีกครั้ง
เมื่อเช็คเอาท์เสร็จเรียบร้อยแล้ว จุดหมายปลายทางของเรา ก็คือ ตัวเมืองภูเก็ต ซึ่งก่อนเข้าตัวเมืองเราได้มาแวะเที่ยวที่ สะพานสารสิน ไปกินข้าวกลางวันที่ร้าน “ ตู้กับข้าว ” ไปต่อที่ “ Three Monkeys ” และ หาดกะรน จุดชมวิวหากกะตะ และไปดูพระอาทิตย์ตกดินที่ แหลมพรหมเทพ เรียกได้ว่าเป็น 3 วัน 2 คืน ที่คุ้มและสนุกมากๆ เป็นทั้งทริปตามรอยซีรีส์ที่หลงรักและเป็น Road Trip ย่อมๆ เลยก็ว่าได้ค่ะ เพราะทั้งทริปที่เกิดขึ้น เรากับพี่ไม่ได้วางแผนมาก่อนว่าจะไปที่ไหนบ้าง แค่รู้สึกว่าอยากไปก็ขับรถไปเลย ไม่มีแพลน ไม่มีการวางแผน จนทำให้เรารู้สึกว่า…
(หาดกะระ จังหวัดภูเก็ต)
(จุดชมวิว หาดกะตะ จังหวัดภูเก็ต)
(แหลมพรหมเทพ ภูเก็ต)
(พระอาทิตย์ตกดิน ณ แหลมพรหมเทพ)
การไปเที่ยวหรือการได้ผจญภัยย่อมมีความประทับใจทั้งระหว่างทางและจุดหมายปลายทางซึ่งมันเป็นเรื่องธรรมดาที่โคตรพิเศษ แต่สำหรับเราความประทับใจนอกจากจะได้เห็นวิวทิวทัศน์ที่สวยงามแบบที่ไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อน การได้ปล่อยตัวปล่อยใจปล่อยสมองไม่ต้องคิดเรื่องอะไรที่หนักหนา ก็มีอีกสิ่งที่เราสัมผัสได้จากการไปเที่ยวครั้งนี้ คือ เราเข้าใจยิ่งขึ้นว่าทำไมการท่องเที่ยวถึงได้เติมเต็มและเยียวยาความรู้สึกได้มากมายขนาดนี้
นั่นอาจเป็นเพราะการที่เราไปยังสถานที่ที่ไม่รู้จัก เป็นการหลบหนีความจริงเพื่อไปเจอโลกอีกใบที่ในชีวิตประจำวันของเราคงไม่ได้มาเห็นอะไรแบบนี้บ่อยๆ ได้ออกจากพื้นที่เซฟโซนเพื่อค้นพบว่าโลกใบนี้ยังมีสถานที่สวยงามอีกมากมายและมีการผจญภัยที่โคตรดีมากๆ รอเราอยู่ ถึงแม้จะผิดหวังบ้างแต่ก็ยังรู้สึกเอ็นจอยไปกับมัน
เหมือนกับตอนที่เรารอเครื่องบินที่หาดไม้ขาวกับพี่ ตอนนั้นมันมีทั้งความหวังและการรอคอย มีตัวอย่างของรูปภาพเต็มไปหมด ว่าถ้าเครื่องบินมาแล้วจะถ่ายรูปแบบไหนบ้าง จะถ่ายเครื่องบินทันไหม?
แต่สุดท้ายเครื่องบินก็ไม่มา ซึ่งถ้าเป็นเมื่อก่อนเราคงรู้สึกผิดหวังเพราะมาถึงภูเก็ตทั้งทีกลับไม่ได้ถ่ายรูปแบบที่คิดเอาไว้ แต่ตอนนี้เรากลับรู้สึกเอ็นจอยไปกับมัน เพราะอย่างน้อยก็ได้ไปดูพระอาทิตย์ตกดินที่หาดไม้ขาว ซึ่งสวยไม่แพ้ที่ไหน!
( FILM KODAK200 : พระอาทิตย์ตกดิน หาดไม้ขาว ภูเก็ต)
เราไม่ได้หวังให้เพื่อนๆ ที่เข้ามาอ่านแล้วอยากออกไปเที่ยวตามรอยหรือทราบรายละเอียดสถานที่จากบทความของเราหรอกค่ะ แต่สิ่งที่เราคาดหวังคงเป็นการอ่านเพื่อรู้สึกไปพร้อมๆ กัน เหมือนกับประโยคที่เราใส่ไว้เป็น Meta Description ว่า 𝐼𝑓 𝑦𝑜𝑢’𝑟𝑒 𝑡𝑖𝑟𝑒𝑑, 𝐿𝑎𝑦 𝑦𝑜𝑢𝑟 ℎ𝑒𝑎𝑑 𝑑𝑜𝑤𝑛 𝑜𝑛 𝑚𝑦 𝑝𝑖𝑙𝑙𝑜𝑤. เราคาดหวังว่าบทความของเราจะทำหน้าที่นั้น 🙂