เราเชื่อว่าทุกครั้งที่ตัดสินใจออกเดินทาง มักจะมีเหตุผลบางประการซ่อนอยู่เสมอและครั้งนี้ก็เช่นเดียวกัน 🌻
เรา… คนที่กำลังหลงทางท่ามกลางเมืองหลวง ต้องการหลีกหนีผู้คนไปให้ไกล หัวใจและสมองที่แบกรับเรื่องราวต่าง ๆ มากมาย ขอทำตามใจตัวเองสักครั้ง ถึงแม้จะเป็นช่วงที่โควิด-19 กำลังระบาดรอบ 2 แต่สมองสั่งให้หลบหนีไปให้ไกล ไกลเท่าที่ใจอยากไป น่าน จึงเป็นจังหวัดอันดับต้นๆ ที่เราเลือก
ซึ่งการเดินทางในครั้งนี้ ไม่ได้มีการวางแพลนล่วงหน้ามาก่อนว่าจะไปที่ไหนบ้าง ทุกอย่างล้วนเกิดขึ้นตามโชคชะตาที่มันควรจะเป็น ล้วนเป็นการผจญภัยและของขวัญน่าตื่นเต้นที่ครั้งหนึ่งเคยเกิดขึ้นในชีวิตของเรา
เที่ยว น่าน ไม่มี รถ
- การเดินทางในครั้งนี้เราเลือกอาศัยรถทัวร์โดยสารของสมบัติทัวร์ ซึ่งได้มีการจองล่วงหน้าเพียง 1 วันเท่านั้น (ราคาไป – กลับ 1,714 บาท) และเส้นทางการเดินรถ ก็คือ กรุงเทพฯ – ปัว ซึ่งหลายคนอาจสงสัยว่า อ.ปัว ห่างจาก อ.เมือง กี่กิโล? โดยอำเภอปัวนั้นอยู่ห่างจากตัวเมืองน่านประมาณ 60 กิโลเมตร ถ้าหากทุกคนที่อ่านบทความนี้อยากตามรอยและต้องการนั่งรถทัวร์ไปเที่ยวเหมือนกับเรา ต้องศึกษาเส้นทางให้ดีนะคะ เพราะไม่งั้นอาจจะเป็นเหมือนเราก็ได้ค่ะ
- เพราะเมื่อรถทัวร์มาถึงน่านแล้วอย่าเพิ่งลงนะคะ ให้นั่งรอบนรถก่อนเพราะอำเภอปัวนั้นต้องขับไปอีกประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่งค่ะ ซึ่งตอนที่เราไป เราไม่รู้ว่าต้องนั่งไปอีก เราจึงลงจากรถทัวร์ที่ขนส่งน่าน เมื่อลงไปแล้วเราก็เปิด Google map เสริช์หาที่พัก ซึ่งตอนนั้นเรางงมากค่ะ ว่าทำไมที่พักเราอยู่ไกลจากสถานีขนส่งจัง ไกลประมาณ 60 กิโลเมตรและใช้เวลาเดินทางจากขนส่งที่เราลงประมาณ 1 ชั่วโมง 30 นาทีเลยค่ะ ตอนนั้นเราตกใจนิดหน่อยแต่ก็ตั้งสติและเดินไปถามคนขับรถทัวร์ (รถทัวร์ที่เรานั่งมายังไม่ออก) จึงพบว่าอำเภอปัวต้องนั่งไปอีก!! แอบโดนคนขับดุนิดหน่อยว่าเดินลงไปทำไม 55555555
- และเมื่อนั่งรถจากตัวเมืองน่านมาถึงอำเภอปัวก็เป็นเวลาประมาณ 7 โมงเช้า เมื่อขาก้าวลงจากลงทัวร์ปุ๊บ อากาศหนาวก็ปะทะร่างกายปั๊บ ซึ่งช่วงกลางเดือนมกราคมแบบนี้ “น่าน” เป็นช่วงที่อากาศดีมาก ๆ เลยค่ะ และเมื่อเดินทางมาถึงสถานีขนส่งอำเภอปัว รถโดยสารต่อไปที่เราเลือกใช้เข้าที่พักก็คือ มอเตอร์ไซค์วินค่ะ เรียกได้ว่า อำเภอปัวเป็นอำเภอที่เงียบมากๆ การขนส่งสาธาราณะก็ไม่ค่อยสันทัดมากนัก แต่ก็ยังมีมอเตอร์ไซค์วินให้เลือกใช้บริการค่ะ (ค่ามอเตอร์ไซต์จากขนส่งอำเภอปัวเข้าที่พัก 30 บาท)
( ที่พัก อำเภอปัว จังหวัดน่าน : HOMU Villa ホーム ヴィラ )
น่าน ที่พัก
- และที่พักที่เราเลือกในครั้งนี้ก็คือ HOMU Villa ホーム ヴィラ (ราคา 1,800/คืน) เหตุผลที่เราเลือกเข้าพักที่นี่เพราะ เราเป็น ผู้หญิงเดินทางคนเดียว ถึงแม้จะรักการผจญภัยมากแค่ไหน แต่ก็ต้องเซฟตัวเองให้ได้มากที่สุด และที่ HOMU Villa ก็เป็นที่พักสไตล์ญี่ปุ่นที่ปลอดภัยและวิวสวยมาก ๆ ค่ะ ซึ่งจากที่เราเกริ่นไปตั้งแต่ตอนต้นว่าช่วงนี้เป็นช่วงที่โควิค-19 ระบาดรอบ 2 จึงทำให้เราเป็นนักท่องเที่ยวหนึ่งเดียวที่เข้าพัก ซึ่งจากการสอบถามจากพี่เจ้าของพบว่าที่พักถูกยกเลิกหมดเลยค่ะ
- และเมื่อเราเดินทางถึงที่พักเวลาประมาณ 7 โมง ยังไม่ถึงเวลาเช็คอิน แต่พี่ ๆ เจ้าของและป้าแม่บ้านก็ใจดีมากค่ะ ให้เราเช็คอินก่อนเวลาได้ เราจึงเข้าพักผ่อนในห้องสไตล์ญี่ปุ่นที่อบอุ่นมาก ๆ ค่ะ
- ซึ่งหลังจากที่เรานอนหลับพักผ่อน ตื่นมาก็เป็นเวลาบ่ายแก่ ๆ เราก็เดินออกมาถ่ายรูปบริเวณรอบ ๆ ที่พัก ก็พบกับ “ป้าไก่” ป้าแม่บ้าน ที่เข้ามาพูดคุยกับเราเหมือนสนิทกันมานาน หลังจากพูดคุยป้าไก่ก็พาเราแว้นทัวร์รอบ ๆ อำเภอปัว และพาเราไปนั่งกินเบียร์ที่บ้าน ซึ่งเราไม่ได้เตรียมใจมาก่อนเลยค่ะว่าจะพบกับประสบการณ์เที่ยวน่านที่น่าประทับใจขนาดนี้ คนน่านใจดีจนเราอยากกลับไปเที่ยวอีกหลาย ๆ ครั้ง และถ้าหากใครที่เป็นผู้หญิงคนเดียวและอยากออกเดินทาง “น่าน” ถือว่าเป็นจังหวัดที่จะสร้างความประทับใจให้ชีวิตของทุกคนได้ดีทีเดียวเลยค่ะ
ปัว น่าน
- วันที่ 2 – วันนี้เราได้คุยกับป้าไก่ไว้ว่าเราอยากไปดอยสกาด ซึ่งป้าไก่ก็ติดต่อลุงคนขับมอเตอร์ไซค์วินไว้ให้เราค่ะ ซึ่งจากอำเภอปัวไปดอยสกาดด้วยการนั่งรถมอเตอร์ไซค์วินของเด็กกรุงเทพฯ แบบเรา น่าตื่นเต้นมากค่ะ เพราะจากที่พักไปดอยสกาดไม่ใช่ระยะทางใกล้ ๆ เลยนะคะ แต่เราก็แฮปปี้มากค่ะ อากาศก็ดีมาก ๆ
- ถึงแม้ร้านอาหาร ที่พัก สถานที่ท่องเที่ยวส่วนใหญ่จะอยู่ในช่วงปรับปรุง แต่ความสวยงามก็ไม่ได้ลดน้อยลงเลยค่ะ
- เมื่อเดินทางไปถึง ดอยสกาด แล้ว ลุงคนขับพาเที่ยวรอบ ๆ ดอยสกาดแล้ว ลุงคนขับก็ถามเราว่า เราจะไปไหนต่อไหม? เราจึงตอบไปว่า เราอยากไป “ ถนนลอยฟ้า ” ซึ่งทุกครั้งที่รถขับผ่านเส้นทางต่าง ๆ เราตื่นเต้นมากกกกกกกก ด้วยความที่ชอบภูเขาเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ทำให้การเดินทางครั้งนี้แฮปปี้จนบรรยายไม่หมดเลยค่ะ เพราะยิ่งเราได้เห็นวิวทิวทัศน์มากเท่าไหร่ มันยิ่งทำให้เรารู้สึกว่าเรานั้นเป็นอิสระจากทุกสิ่ง อิสระที่เราต้องการและโหยหา ตอนนี้มันเป็นของเราทั้งหมดแล้ว เราจึงมีความสุขมาก ๆ
- เส้นทางการผจญวันที่ 2 ในจังหวัดน่านของเรา มีดังนี้
- ดอยสกาด – ถนนลอยฟ้า – ดอยภูคา – ร้านกาแฟบ้านไทลื้อ – ฟาร์มเห็ด
- (ค่ามอเตอร์ไซค์เที่ยว 1,000 บาท)
- วันที่ 3 – วันนี้เราตื่นตอนประมาณ 11 โมงกว่า ก็ได้รับข้อความจากเพื่อนสนิทที่อยู่จังหวัดลำปางว่า “มาเที่ยวลำปางสิ” ตอนนั้นจากคนไม่มีจุดหมายและคิดว่าวันนี้จะต้องเดินทางกลับกรุงเทพแล้ว ก็กระตือรือร้นรีบอาบน้ำและรีบเช็คเอาท์ออกจากที่พักทันที เพื่อเดินทางไปเที่ยวต่อที่ลำปาง แต่!!! การเดินทางที่ไม่มีแพลนมักจะไม่สวยงามเสมอไป เพราะรถตู้จากอำเภอปัวไปลำปางมีรอบเดียวและออกไปตั้งแต่ 8 โมงเช้าแล้ว ตอนนั้นเราจึงนั่งงงอยู่ที่สถานีขนส่งอยู่สักพักว่าจะทำไงต่อดี? ซึ่งมี 2 ทางเลือกให้เราตัดสินใจ คือ รอเวลากลับกรุงเทพฯ หรือ หารถเข้าตัวเมืองน่านและนั่งรถจากตัวเมืองน่านไปลำปาง แน่นอนคนรักการผจญภัยอย่างเราจึงเลือกข้อที่ 2 เราจึงโทรหาคุณลุงที่พาเราไปเที่ยวดอยสกาดเมื่อวาน ว่าถ้าเราจ้างให้ลุงไปส่งเราในตัวเมืองคุณลุงคิดเท่าไหร่ ซึ่งคุณลุงบอกว่ามันไกลและค่อนข้างอันตราย คุณลุงจึงคิดเรา 600 บาท เราก็โอเค! และพร้อมทิ้งตั๋วกลับกรุงเทพทันที…
- ซึ่งในตอนนั้นเอง เราก็คิดขึ้นมาได้ว่า จะทิ้งตั๋วรถทำไมอ่ะ ลองไปถามเจ้าหน้าที่ก่อนไหมว่าสามารถคืนได้ไหม? ถ้าคืนไม่ได้ก็ไม่เป็นไร แต่ถ้าคืนได้ก็ได้ค่ารถคืน โดยคำตอบก็คือคืนได้ค่ะ แต่โดนหัก 10% (ก็ไม่เป็นไรเนอะ) พร้อมเที่ยวต่อที่ลำปาง!!