แบ่งปันเรื่องราวจาก เกาะหลีเป๊ะ อัปเดต 2023
เมื่อการเดินทางครั้งใหม่ได้เริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง การได้ลองไปในสถานที่ที่ไม่เคยไป ได้ออกไปเห็นในสิ่งที่ไม่เคยเห็น ออกจากเซฟโซนเพื่อเก็บเกี่ยวประสบการณ์และธรรมชาติที่สวยงาม
ครั้งนี้เราขอ แบ่งปันเรื่องราวจาก เกาะหลีเป๊ะ ในปี 2023 เพื่อเป็นอีกหนึ่งความทรงจำ ที่ไม่ว่าจะผ่านไปนานแค่ไหน เราก็จะจำได้ว่าครั้งหนึ่งเราเคยมาเที่ยวที่นี่…
วิธีการเดินทาง จากกรุงเทพ ฯ ไปหลีเป๊ะ
การเดินทางไป หลีเป๊ะ ครั้งนี้ เราเลือกจองตั๋วเครื่องบินผ่านแอปพลิเคชัน Traveloka โดยสายการบินรอบเช้าสุดจากดอนเมืองไปลงยังสนามบินหาดใหญ่ และได้จองตั๋วรถ กับ ตั๋วเรือจาก Easylipe ซึ่งราคาค่ารถตู้และค่าเรือทั้งขาไป ขากลับ อยู่ที่ 1,600 บาท/คน
หลีเป๊ะ 2023
เกาะหลีเป๊ะ สถานที่ท่องเที่ยวแรก ๆ ในวัยเด็กที่เราอยากมาตั้งนานแล้ว แต่ยังไม่มีโอกาสได้มาสักที แต่ปีนี้จะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป
เพราะเราได้มาเที่ยวหลีเป๊ะเป็นครั้งแรกกับเพื่อนสาวที่ไม่ได้สัญญาเป็นกิจลักษณะว่าจะไปเที่ยวทะเลด้วยกันทุกปี แต่ปีนี้เป็นปีที่ 3 แล้ว ที่เรามาเที่ยวทะเลด้วยกัน
ซึ่งเริ่มต้นมาจากปี 2021 ที่ไปสมุยด้วยกัน และ ปี 2022 ที่ ไปเที่ยวกระบี่ ด้วยกัน
ส่วนปี 2023 ก็มาเที่ยวเกาะหลีเป๊ะด้วยกันอีก มันทำให้เราแอบลุ้นในปีต่อ ๆ ไป อยู่เหมือนกันว่าเรากับเพื่อนสาวคนนี้จะไปเที่ยวทะเลที่ไหนด้วยกันอีก
จากสนามบินหาดใหญ่ ไปท่าเรือปากบารา
การเดินทางจากสนามบินหาดใหญ่ไปท่าเรือปากบารา เราเลือกเดินทางด้วยรถตู้ที่ได้ทำการจองผ่านเว็บไซต์ Easylipe ไป ซึ่งก่อนวันเดินทางจะได้รับสายจากคุณลุงคนขับรถเพื่อนัดแนะเวลาให้เรียบร้อย และเมื่อเดินทางถึงสนามบินหาดใหญ่ตามเวลาที่แจ้งไว้ คุณลุงคนขับรถตู้ก็จะโทรมาหาเราอีกครั้งเพื่อบอกจุดจอดรถ
ซึ่งใช้เวลาในการเดินทางจากสนามบินหาดใหญ่ไปยังท่าเรือปากบารา ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง
จากท่าเรือปากบารา ไปเกาะหลีเป๊ะ
เมื่อเดินทางถึงท่าเรือปากบาราแล้วให้เดินเข้ามาข้างในยังจุดที่เขาตั้งโต๊ะแจกบัตรคิวตั๋วเรือ ซึ่งในขั้นตอนนี้ถ้าเพื่อน ๆ มาในช่วงไฮซีซั่นจะแอบวุ่นวายนิดหน่อย เพราะคนจะเยอะมาก ให้ทุกคนดูสีของบัตรและคิวของตัวเองให้ดี เพราะเขาจะเรียกเราขึ้นเรือตามสีบัตร โดยเรียงลำดับคิวไว้
ถ้าหากเพื่อน ๆ เลือกเรือรอบ 11.30 น. เขาจะไปจอดแวะให้เที่ยว 2 สถานที่ คือ เกาะตะรุเตา กับ เกาะไข่
ที่พักบนเกาะหลีเป๊ะ 2023
เมื่อแวะเที่ยวเกาะต่าง ๆ เสร็จเรียบร้อยแล้ว เรือจะมาจอดยังจุดหมายปลายทาง ก็คือ หาดพัทยา เกาะหลีเป๊ะ
โดยที่นี่เขาจะแบ่งออกเป็น หาดพัทยา หาดซันไรซ์ และหาดซันเซ็ต
ซึ่งเราได้เลือกที่พัก อนัญญา หลีเป๊ะ รีสอร์ต บนหาดพัทยา ที่ได้ทำการจองผ่าน Agoda
เหตุผลที่เลือกที่นี่เพราะที่พักสวยและหาดมีความครึกครื้นมากกว่าหาดไหน ๆ แถมยังอยู่ติดกับ ถนนคนเดินหลีเป๊ะ อีกด้วย
กิจกรรมบน เกาะหลีเป๊ะ
กิจกรรมของเรากับเพื่อนสาวเริ่มต้นขึ้นในวันที่ 2 เพราะวันแรกหมดไปกับการเดินทางทั้งเครื่องบินจากกรุงเทพฯ มาสนามบินหาดใหญ่ 2 ชั่วโมง จากสนามบินหาดใหญ่ไปท่าเรือปากบาราอีก 2 ชั่วโมง และจากท่าเรือไปยังเกาะหลีเป๊ะอีกประมาณ 2 ชั่วโมง เรียกได้ว่าแค่เดินทางก็เหนื่อยจนไม่มีแรงไปทำอย่างอื่นแล้วค่ะ
ซึ่งในวันที่ 2 นี้เราเริ่มต้นด้วยการมาถ่ายรูปเล่นริมหาดพัทยาหน้าโรงแรม หลังจากนั้นก็ไปเที่ยวที่หาดซันไรซ์ บนเกาะหลีเป๊ะ
ซึ่งการเดินทางจากหาดพัทยาไปยังหาดซันไรซ์ คือ Taxi หรือ รถพ่วง มีค่าโดยสารคนละ 50 บาท/เที่ยว
คาเฟ่ หาดซันไรซ์ เกาะหลีเป๊ะ
-
Castaway Lipe
คาเฟ่และที่พักบนหาดซันไรซ์ เกาะหลีเป๊ะ อันเงียบสงบ เหมาะแก่การนั่งรับประทานอาหารกลางวันและจิบเครื่องดื่มเย็น ๆ พร้อมกับชมวิวทะเลอันสวยงาม
คาเฟ่ หาดซันเซ็ต เกาะหลีเป๊ะ
-
Zodiac See Sun Beach Bar หลีเป๊ะ
คาเฟ่ ร้านอาหาร บาร์เครื่องดื่ม ที่นักท่องเที่ยวบนเกาะหลีเป๊ะ นิยมเดินทางไปชมพระอาทิตย์ตกดิน และเมื่อพระอาทิตย์ลับขอบฟ้าไปแล้ว ทางร้านก็ได้จัดเตรียมการแสดงควงกระบองไฟไว้ให้นักท่องเที่ยวทุกคนได้ชม
วันต่อมาบนเกาะหลีเป๊ะ
วันนี้เรากับเพื่อนเลือกทำกิจกรรมโดยการนั่งเรือออกไปชมความสวยงามของธรรมชาติทั้งเกาะนอกและเกาะใน ซึ่งเราเหมาเรือแบบไพรเวทตกคนละ 1,400 บาท/คน รวมอาหารกลางวัน
ซึ่งเราจองจากเอเจนซี่ใน ถนนคนเดิน เกาะหลีเป๊ะ ซึ่งเพื่อน ๆ สามารถเลือกเจ้าที่ถูกใจหรือสอบถามราคาและสิทธิพิเศษก่อนได้เลย มีเอเจนซี่ให้เลือกมากมายหรือถ้าหากอยากจอยกรุ๊ป ราคาจะตกคนละประมาณ 700 บาท/คน ค่ะ
ถึงแม้การไปเที่ยวของเราจะเรียบง่ายและแสนธรรมดา ไม่ได้ออกไปดำน้ำ หรือทำกิจกรรมที่น่าสนใจอย่างอื่น แต่ก็หวังว่าการไปเที่ยว เกาะหลีเป๊ะ ของเราในครั้งนี้จะเป็นประโยชน์ให้แก่คนที่ยังไม่เคยไปไม่มากก็น้อยนะคะ